Saturday, 20 July 2019

2 วัน 1คืน ทำอะไรดีที่เขาใหญ่



Contents  : วัดวังเพิ่มพระภาวนาร้านลุงชุบ,Rabbit café, 
The Birder lodge Farm​market, The Series Resort 

ทริปนี้เริ่มจากอาสาฬหบูชาทำบุญที่ไหนดี ก็คิดถึงวัดวังเพิ่ม​พระภาวนาขึ้นมาทันที 
เพราะเป็นวัดสาขาของวัดหลวงปู่แบน ธนากโร​ วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร​  
เป็นวัดที่อยากไปทำบุญนานแล้ว ทำให้มาค้นหาที่พักต่อว่าจะพักที่ไหน​ไม่ไกลจากวัด 
จึงมาลงตัวที่ The series resort  เพราะตามรีวิว​ที่อ่านมาค่อนข้างมาก  
อยากรู้รายละเอียดแล้ว​ใช่ป่าวตามมาเลย

Day1

8.00 น.  :  ตื่นเช้ากันหน่อย ออกจากกรุงเทพฯ ขับไปเรื่อยๆ พักบ้างไรบ้าง แค่ ชั่วโมงนิดๆ 
ก็ถึงแล้ว ด้วยรีสอร์ทจะอยู่ก่อนถึงเส้นธนะรัชต์ เราจึงใช้เส้นทางใหม่จาก google map 
คือขับ​เข้าซอยข้างร้าน อาหารdairy home ซึ่งถ้าใครจะไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 
แนะนำว่าไปทางนี้สะดวกและลัดกว่าไปเส้นถนนธนะรัชต์ (ตามรูป) 




10.20น. :   ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ (ไม่มีรูป) ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินที่รีสอร์ท​ ก็เลยตัดสินใจขับรถ
ไปไหว้กันก่อน ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรมาเลย เดี๋ยวจะแวะหาร้านกินรวบข้าวเช้า​  
กลางวัน กันเลยทีเดียว
                     
11.00 น. :   "ร้านลุงชุบ" ออกมาจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สัก 2-3 กิโลเมตร​ ร้านอยู่ทางขวามือ
ถ้ามาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็มาแวะร้านนี้ที่มีคนรีวิวเยอะเหมือนกัน

                  



อาหารจานแรกคือ ไข่ตุ๋นหม้อไฟ ราคา 180 บาท
รสชาติ : พอใช้ได้
ความคุ้มค่า : แพงไปนะ



จานต่อมา คือ ไก่คั่วเกลือ ประมาณ 120 บาท(จำไม่ได้)
รสชาติ : อร่อยดี
ความคุ้มค่า : สมราคา จานนี้แนะนำ 

ภาพรวม : รสชาติแล้วแต่คนชอบ   ส่วนตัวคิดว่ากลาง ๆ ไม่ถึงขนาด​ ประทับใจมาก 
คราวหน้าจะไปลองร้านอื่นบ้าง


11.45 น.  :   Rabbit Cafe by HotelLabaris https://www.facebook.com/hotellabaris/
ที่นี่เป็นทั้งโรงแรม คาเฟ่ และร้านอาหารเพิ่งเปิดใหม่เดือนกุมภา​พันธ์​ 2019  อันนี้ขอรีวิว
เฉพาะส่วนคาเฟ่ 


 ตรงส่วน zone air conditioning ที่นั่งดื่มกาแฟ เบเกอรี่มีน้อยไปหน่อยคงได้สัก 20-30คน
             

             กาแฟ ธรรมดา แอบแพงเล็กน้อย


มีบริเวณรอบๆ ร่มรื่นสามารถถ่ายรูปเล่นได้

ทางเข้าที่พักของโรงแรม​ 
และร้านอาหาร เก๋ดี 


13.00 น.  :  The Birder’s Lodge   Farmer Market
 แวะเพราะเป็นทางผ่านไปรีสอร์ท​พอดี​ เป็นตลาดสินค้า​   ออแกนิกหลายชนิด 
อยู่ข้างๆร้านกาแฟ​ชื่อเดียวกัน แนะนำว่าถ้ามีโอกาสน่าแวะ​ ไปเดินเล่น​มีมุมถ่ายรูป​ 
ส่วน zone คาเฟ่​  ไม่ได้เข้า เพราะดื่มกาแฟมาแล้ว และคนค่อนข้างเยอะจนแออัด
                     

          




13.30 น.: The​ Series​ Resort​ KhaoYai 
https://www.facebook.com/theseriesresortkhaoyai/

            ที่พักของเราในคืนนี้ ขนาดพยายามแวะเที่ยวนู่นนี่ ก็ยังมาถึงก่อนเวลาอีก 
ตอนแรกคิดว่าจะต้องรอถึง​ บ่ายสองโมงถึงเข้าที่พักได้ แต่พอไปถึงพนักงานชายรีบมายก
กระเป๋าลงจากรถไปวางไว้รถกอล์ฟทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็คอิน  น้อง ๆ พนักงานน่ารักกันทุกคน 
ขณะกำลังเช็คความเรียบร้อยของห้องที่จอง ก็มีwelcome drink มาเสิร์ฟ เป็นน้ำตะไคร้ ผสม 
สัปปะรด และ อัญชัญ หอมเย็นชื่นใจ และน้องพนักงานอธิบายถึงการใช้สถานที่ต่างๆ ในรีสอร์ท 
ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหาร สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส

welcome drink 


แผนก​reception เมื่อขับรถเข้าไปก็ไปถึงเลย
หลังจากเช็คอินเสร็จ น้องพนักงานแจ้ง​ว่ามี​ afternoon​ tea เป็น complimentary 
ให้กับแขกทุกท่าน บริเวณห้องอาหาร Charn restaurant​เวลา14.00 -17.00น​
หรือจะทานที่ห้องพักก็ได้แต่เป็น small set






ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่พักมีความร่มรื่น การจัดวางตัวของอาคารก็กลมกลืน​ไปกับ
ต้นไม้ใหญ่โดยรอบ  สังเกตแล้ว​คิดว่าที่พักคล้ายสไตล์เซน มีความ minimal มาก ๆ 
ที่พักมีอยู่แค่​สองตึก​ ตึกหนึ่งมีสองชั้น เราได้อยู่ตึกชื่อ​ว่า "makha" ​ (มะค่า)​ เป็นตึก
ที่สองซึ่งเป็นวิวสวน ตึกแรกจะ​  เป็นวิวสระว่ายน้ำ ซึ่งเราชอบแบบวิวสวนมากกว่า  
จริง ๆ ก็มีคนพักเต็มนะ แต่ดูไม่พลุกพล่าน และไม่มีเสียงดังเลยแม้จะมีครอบครัว
ที่มีเด็กเล็ก ๆ มาด้วย

           ห้องเราจะอยู่ชั้นสองห้องแรกทางซ้ายมือ ห้อง 221 ซึ่งห้องนี้เราชอบมาก   
พอน้องพนักงานเปิดประตูให้เข้าไปต้องร้องว้าวในใจ เพราะห้องหอมมากเลย 
ได้กลิ่นมะลิซึ่งเป็นดอกไม้ที่เราชอบมากเป็นพิเศษ แต่กับบางคนที่อาจจะไม่ชอบ
กลิ่นนี้ก็ได้ คิดว่าใครแพ้พวกกลิ่นควรแจ้งพนักงานก่อน 
           เดินเข้าไปความประทับใจแรกคือ มีกระดาษ welcome message วางไว้บนเตียง 
และพิมพ์ไว้บนจอทีวี 






ภาพของคนรีวิวก่อน ๆ ว่าห้องเล็ก สำหรับเราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย เป็นขนาดที่พอดี

จนแอบเก็บรายละเอียดที่จะมาเขียนแปลนสร้างห้องพักของตัวเองที่บ้าน ทุก ๆ อย่าง
ในห้องพักเต็มไปด้วยความใส่ใจ ทั้งการตกแต่ง การวางแปลนฝ้าเพดาน การใช้แสง 
เห็นถึงความฉลาดของสถาปนิก  








ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือของที่อยู่ในตู้เย็น และตรงเคาเตอร์ สามารถทานได้หมดทุกอย่างฟรี 

น้ำดื่มไม่พอขอจากพนักงานได้







 แขวนสิ่งนี้ไว้ที่ประตูห้อง (รูปบน) เป็นการบอกพนักงานว่าไม่อยากให้รบกวน





  ในห้องก็มีความทันสมัยโดยการใช้ tablet มาเป็นอุปกรณ์
ปรับแสงไฟ และอุณหภูมิแอร์ 




 ทีวีแม้จะมีไม่กี่ช่องแต่ก็ครบถ้วนทั้ง ไทย อังกฤษ สปอร์ต  การ์ตูน เลือกชมได้เพลิน 





 ด้านหลังห้องเป็นระเบียงกั้นด้วยกระจกมีโซฟาเอาไว้นั่งเล่น
อ่านหนังสือชมสวนได้อย่างสบายๆ 



         ส่วนของห้องน้ำมีบานสไลด์กั้นแยกจากห้องนอนเป็นสัดส่วน อุปกรณ์ที่เตรียม
ไว้ให้มีทั้งตู้เซฟ(ใช้งานง่ายมาก) ไดร์เป่าผม ตะกร้าใส่ผ้าเช็ดตัวสำหรับไปว่ายน้ำ
สองผืน เสื้อคลุมอาบน้ำ หมวกสานสองใบเป็นพร็อพอย่างดีสำหรับถ่ายรูปของคุณสาวๆ 




จริงๆ รู้สึกว่าแทบไม่ต้องเอาของใช้ส่วนตัวมาเลย เพราะมียาสีฟัน แปรงสีฟันเป็นเซ็ต 

ที่โกนหนวด หวี หมวกคลุมอาบน้ำ ครีมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยาสระผม ครีมนวด และอื่นๆ 
ครบถ้วน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสมุนไพร 










ใครที่อยากแช่อ่างอาบน้ำ  ก็มีขนาดใหญ่มากอยู่ในห้องน้ำเลยใกล้หน้าต่างสามารถ

หรี่ม่านกันสายตาคนภายนอกได้   





หลังจากชื่นชมห้องนอน และนอนเล่นในห้องสักพักก็ถึงเวลา afternoon tea แล้ว เย้ 
ส่วนของห้องอาหาร Charn restaurant มีทั้ง outdoor และ indoor เราเลือกนั่ง outdoor 
เพราะนั่งสบาย ไม่ร้อน เห็นวิวสระน้ำ มีเพลงบรรเลงเปิดเบาๆ คล้ายสัญญาณสติของเซน 
ฟังเพลินๆ ไม่เบื่อ เหมือนจะเปิดทั่วไปในรีสอร์ท 














Set afternoon tea ที่นี่ดีงามมาก มีทั้งส่วนขนมไทย และ เบเกอรี่ เอาเป็นว่าทาน

ไม่หมด อร่อยทุกอย่างพนักงานบอกทานไม่หมดเอากลับไปห้องได้ แต่พวกครีม
จะเละ ๆ หน่อย เราก็เลยพอแค่นั้นไม่ไปทานต่อที่ห้องส่วนไอศกรีมตบท้ายคือ
 Haagen Dazs นี่ไม่ไหวจริง ๆ พนักงานบอกว่าฝากไว้ได้ เดี๋ยวห่อให้ไปทานตอน
ขากลับ อิ่มละเดินกลับห้องดีกว่า สักพักจะออกมาว่ายน้ำ เบิร์นกันสักหน่อยให้
แคลอรี่หายไปบ้าง











สระที่นี่เป็นระบบเกลือ ยาวประมาณ 25 เมตร ว่ายได้สบายๆ อาจจะเป็นช่วง
ห้าโมงเย็นด้วยล่ะ ไม่มีคนมาว่ายเลยสระจึงเป็นของเรา ว่ายจนพอใจละกลับห้องดีกว่า 





คิดอยู่ว่าจะ dinner ที่นี่เลยหรือจะออกไปข้างนอกดี สุดท้ายตัดสินใจว่ามาไกลๆ 

ทั้งทีออกไปทานข้างนอกดีกว่า และร้านที่เป็นจุดมุ่งหมายของเราจะก็คือ 
“Midwinter green” https://th-th.facebook.com/MIDWINTERGREEN/










          ร้านนี้ใครมาเขาใหญ่ก็ต้องสะดุดตา เพราะจะมีลักษณะคล้ายปราสาททางยุโรป 
เรามาถึงร้านในช่วงเวลา 18.30 น. ที่นั่งดีๆ ก็มีคนจองกันหมดละเพราะมีวงดนตรีกำลัง
เล่นอยู่เป็นวงสองคนร้องเพลงเพราะดี น้องพนักงานพามานั่งเป็นมุมที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ 
แต่โชคดียังไม่ทันได้สั่งอาหาร คนที่นั่งมุมที่ดีกว่าลุกพอดี   เลยขอเค้าเปลี่ยนโต๊ะทีนี้
สบายนั่งชิวๆ เราเพิ่งมาร้านนี้ครั้งแรกไม่รู้จะสั่งอะไร ไม่อยากสั่งตามที่เค้ารีวิวกัน ก็เลย
ลองสั่งซี่โครงอบบาร์บีคิว และอีกจานเป็นสปาเกตตี้ คาโบนารา รสชาติดีทั้งสองจานเลย 
ขนาดก็ใหญ่พอสมควร เราไปสองคนนี่กินไม่หมดนะ มีคนรีวิวบอกว่าราคาแรง เอาจริงๆ 
นะก็เหมือนกินร้านอาหารในกรุงเทพฯ ด้วยขนาด คุณภาพ รสชาติ บรรยากาศไปลองเถอะ 
เหมาะกับคนจะไป date กันจริงๆ










เช็คบิลเสร็จ เดินถ่ายรูปเพลินๆก็ดีเหมือนกันนะ ระหว่างทางขับรถกลับรีสอร์ทไฟทาง
มีไม่มากแอบมืดนิดๆ ถ้าใครใช้เส้นนี้แนะนำอย่าขับเร็ว อย่าประมาท จะมีเนิน
และโค้งบ้าง และแล้วก็มาถึงรีสอร์ทอย่างปลอดภัย มาถึงห้อง surprise เล็กๆ มี
ช็อคโกแลตของรีสอร์ทมาวาง good night ไว้ให้






ต้องรีบนอนละ พรุ่งนี้ภารกิจตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเตรียมไปทำบุญ (นี่แหละภารกิจใหญ่ของเรา)

       
Day 2

6.30 น. ออกจากรีสอร์ทไปวัดวังเพิ่มพระภาวนา ใช้เวลาขับรถไม่เกิน 15 นาที 
ไปตาม google map ได้เลย ข้อดีอย่างหนึ่งคือเราไม่ต้องแวะซื้ออะไรเพราะเตรียม
มาหมดแล้ว 

6.45 น.  ถึงวัดรีบจอดรถทันที เพราะเริ่มเห็นหลวงปู่บิณฑบาตตรงหัวแถวแล้ว ซึ่งไว
มากๆ เลย ถ้าช้าอีกนิดอาจไม่ทัน วัดนี้สามารถใส่ได้ทั้งของสด และของแห้งใน
บาตรท่าน ซึ่งแล้วแต่ธรรมเนียมปฏิบัติ เพราะวัดป่าบางวัดให้ใส่เฉพาะข้าวสวย 
แต่กับข้าวและขนมให้มาจัดใส่จานประเคน​ภายหลัง  สังเกตว่าวันนี้คนมาทำบุญ
ไม่มากคิดว่าไม่เกินแปดสิบคน​   เมื่อมีโอกาสดูรอบๆ วัด เป็นวัดที่สงบเรียบร้อย 
ร่มรื่น ทุกคนรู้ที่จะไม่ใช้เสียงดัง ยกเว้นเด็กเล็กซึ่งคงห้ามไม่ได้  










             พระเท่าที่เห็นวันนี้เพียงสามรูป ดูปฏิปทาท่านงดงามยิ่ง  ก่อนฉันหลวงปู่
ทราบจากญาติธรรมภายหลังว่าท่านคือหลวงปู่ประสิทธิ์  ท่านเทศน์โดยไม่ได้ใช้ไมค์
ต้องขยับไปฟังใกล้ๆ ในศาลา ท่านเทศน์ได้จับใจมาก ใครเคยฟังหลวงปู่แบนเทศน์
อย่างไร เนื้อหาสาระเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เสมือนกับที่หลวงตา​  พระมหาบัว
ท่านเคยกล่าวไว้ว่า

"มือของครูอาจารย์ กับมือของลูกศิษย์ลูกหา ญาติมิตร เพื่อนฝูง 
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช้แทนกันได้ ไว้ใจกันได้ เชื่อใจกันได้ ตายใจกันได้" 
#โอวาทธรรมขององค์หลวงตามหาบัวฯ


             หากใครมีโอกาสอยากให้ไปทำบุญที่วัดนี้ และฟังท่านเทศน์สักครั้งรับรอง

จะไม่ผิดหวัง​ พอพระให้พร และเริ่มฉัน เราจึงขับรถเพื่อกลับมาทานอาหารเช้าที่
รีสอร์ทซึ่งสามารถ​ orderได้ถึงสิบโมงครึ่ง
            
          
9.30 น.  อาหารเช้าที่รีสอร์ทเป็นแบบ à la carte แต่สั่งได้ไม่อั้น และมีไลน์บุฟเฟ่ต์  
ให้ตักได้ตามใจชอบเป็นพวกขนมปัง​   ชนิดต่างๆ สลัดผัก ผลไม้ คอนเฟลก 
น้ำมะพร้าวทั้งลูก​ และโยเกิร์ต​ home​made  (อันนี้แนะนำ อร่อยมาก)  และอื่นๆ
 อีกจำได้ไม่หมด




























11.45 น. ได้เวลา check-out จากรีสอร์ท พนักงานมาถามว่าจะรับอะไรกลับดีคะ
มีกาแฟ ร้อน เย็นของ Nepresso หรือ​ น้ำผลไม้  พอสั่งเสร็จน้องมาพร้อมถุงกระดาษ
ใส่เครื่องดื่มที่สั่งไว้ รวมทั้ง​ซอฟคุ้กกี้แผ่นใหญ่สองชิ้น และไอศกรีม​ที่ฝากไว้
อีกสองกระปุก คืออาหารเช้ายังไม่ทันย่อยเลย คิดในใจว่าน้องกะจะไม่ให้พี่ซื้ออะไร
กินระหว่างทางใช่มั้ย 555​ประทับใจในบริการของน้องๆ พนักงาน และทุกๆ อย่าง
เป็นที่พักแรกรู้สึกว่ากลับมาพักซ้ำได้



 และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับ ไม่อยากกลับเลย

14.20 น. รถไม่ติด และถึงกรุงเทพฯโดยไม่ได้แวะกินไรเลยเพราะอิ่มมากๆๆ